เรื่องที่ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
วันที่อบรม วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2554 (เวลา 13.30 – 16.30 น.)
วิทยากร อาจารย์ปัญญา ปุลิเวคินทร์ หัวหน้าศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ มูลนิธิชัยพัฒนา
สรุปเนื้อหาการบรรยาย
ส.ค.ส. ที่พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้พวกเราทุกปีในวันขึ้นปีใหม่ พระองค์ได้ทรงเตือนสติพวกเราคนไทยเป็นประจำทุกปี เช่น ส.ค.ส. ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งถือว่าเป็น ส.ค.ส. ฉบับสุดท้ายที่พระองค์ท่านเขียนเป็นภาพวาดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์หลังจากปีนี้ ส.ค.ส เป็นรูปถ่ายมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ส.ค.ส. ปี พ.ศ. 2547 เป็นรูปแผนที่ประเทศไทยรอบๆ แผนที่เป็นรูปลูกระเบิดที่ถูกจุดชนวนแล้ว 4 ลูก ทางด้านทิศตะวันตก เป็นเรือสำเภา แบบที่พวกฝรั่งเขาใช้เดินเรือ เพื่อค้าขายในสมัยก่อน ส่วนในกรอบแผนที่ประเทศไทยทรงเขียนว่า “ความสามัคคี คือ พลังค้ำจุนผืนแผ่นดินไทย” ถ้าเราได้แต่ “เห็น” ไม่ “มอง” พระเจ้าอยู่หัวเราก็ไม่สนใจไปศึกษาต่อว่าทำไมพระเจ้าอยู่หัวจึงมอบ ส.ค.ส. ที่มีรูปภาพเป็นแบบนี้ให้เรา ทรงเตือนสติพวกเราคนไทยอย่างไร แต่ถ้าเรามองพระองค์ท่านเราต้องติดตามว่าลูกระเบิดทั้ง 4 นั้น หมายถึง วิกฤต หรือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และรอบๆ ประเทศไทยเป็น 4 เรื่อง น่าจะได้แก่อะไรบ้าง เราต้องดูว่าเรื่องอะไรที่พระองค์ท่านรับสั่ง ทรงเตือนสติพวกเราบ่อย ๆ ซึ่งพบว่าได้แก่ เรื่องที่ 1 หรือ ระเบิดลูกที่ 1 ได้แก่ เรื่องภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ เรื่องปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมแผ่นดินไหว และ โลกร้อน – โลกเรารวมถึงประเทศเราจะพบกับวิกฤตภัยแล้ง และภาวะน้ำท่วมอย่างรุนแรงในอนาคต ซึ่งได้ส่งผลให้เห็นแล้ว ในปัจจุบัน
– แผ่นดินไหว เป็นเรื่องที่พวกเราให้ความละเลยมาโดยตลอด ทีนี้เราหันมาพิจารณากัน หน่วยวัดการสั่นสะเทือนของ แผ่นดินไหว คือ ริกเตอร์ ในทางธรณีวิทยา ถ้าเกิดบนบกตั้งแต่ 3.5 ริกเตอร์ ก็สามารถที่จะทำให้โครงสร้างของสิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหาย แต่ถ้าเกิดในทะเลตั้งแต่ 7.5 ริกเตอร์ ก็จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในรอบ 2 ปี ที่ผ่านมาเกิดแผ่นดินไหวที่ส่งความเสียหายจำนวนมาก เริ่มตั้งแต่ ที่เมืองเสฉวนในประเทศจีนประเทศเฮติ ประเทศชิลี ประเทศนิวซีแลนด์ และล่าสุดเกิดในทะเลที่ประเทศญี่ปุ่น ความสั่นสะเทือนเกิดขึ้นตั้งแต่ 6.5 – 8.9 ริกเตอร์ ผู้คนตายนับแสนคน สิ่งปลูกสร้างราบเป็นหน้ากลอง ยิ่งกว่านี้ถ้าเราเจาะลึกลงไปจะพบว่าการเกิดแผ่นดินไหวเหล่านี้เกิดในบริเวณที่เราเราเรียกว่า “วงแหวนไฟ” หรือรอยเลื่อนที่มีพลังส่วนหนึ่งที่เราปฎิเสธไม่ได้ว่า คือมนุษย์เราเองที่ไปกระทำต่อรอยเลื่อน หรือผืนแผ่นดินของโลกให้เสียสมดุล เช่น การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในจีน การขุดน้ำมัน การเจาะน้ำบาดาล การทำลายสิ่งแวดล้อม จนกลัวกันว่าต่อไปโลกของเราอาจแตกออกไปเป็นเสี่ยงๆ
– โลกร้อน เดิมโลกเรายังไม่ร้อนเท่านี้ เราเคยมีฤดูกาลที่สม่ำเสมอ คือร้อน 4 เดือน หนาว 4 เดือนและฝน 4 เดือน มาเดี๋ยวนี้เราเหลือเพียง 2 ฤดู คือร้อนกับฝน ฤดูหนาวหายจากเราไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เราพบว่าสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน เกิดจากชั้นบรรยากาศของโลก เต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่เรียกว่า เรือนกระจก คือเดิมเรามีพื้นที่ป่าไม้อยู่มาก ต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนอ๊อกไซด์ และปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมา แต่ปัจจุบัน มนุษย์มีความโลภ ตัดไม้ทำลายป่าจนสิ้น มนุษย์เราโลกเราจึงขาดตัวช่วยไปอย่างสำคัญ ที่สำคัญเรายังช่วยเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ จากโรงงานอุตสาหกรรม การใช้ไฟฟ้าอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งไฟฟ้าส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ถ่านหิน และน้ำมันเตา เป็นตัวช่วย รวมทั้งระบบขนส่งต่าง ๆ เรียกว่าโลกร้อนเกิดจากน้ำมือมนุษย์ล้วน ๆ เลยมีนักวิทยาศาสตร์มีการทำนายกันว่าถ้ามนุษย์ยังทำลายป่า ยังใช้พลังงานต่าง ๆ อย่างนี้อยู่อีก อุณหภูมิจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ภูเขาน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือและใต้ในอีก 60 ปี จะละลายอันมีผลทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ทำให้น้ำทะเลจะท่วมโลก พื้นแผ่นดิน พื้นที่เพาะปลูก ที่อยู่อาศัย จะจมอยู่ใต้น้ำ อันนี้เป็นเพียง
ระเบิดลูกที่1 ที่พระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่ง เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติมาโดยตลอดแต่พวกเราก็พากันไม่ให้ความสำคัญ
ระเบิดลูกที่ 2 เรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งมาโดยตลอด ”การเป็นเสือนั้นไม่สำคัญสำคัญที่พออยู่ พอกิน” เราจะเห็นว่าเศรษฐกิจของโลกกำลังเกิดวิกฤต เริ่มตั้งแต่ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐอเมริกา แล้วลุกลามต่อไปยังยุโรป จากกรีซไปไอร์แลนด์ และกำลังลามไปทั่วยุโรป ญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติเศรษฐกิจหยุดชะงักลง กลุ่มประเทศเหล่านี้ล้วนเป็นตลาดคู่ค้าที่สำคัญของไทย ย่อมกระทบสู่ไทยปัจจุบันประเทศไทยมีคนว่างงานอยู่ประมาณ 5 แสนคน บุตรหลานของเราที่กำลังศึกษาอยู่ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6
– ปริญญาเอก มีอยู่ประมาณ 4 แสนคน เขาจะไม่มีงานทำประมาณ 3 แสนคน เมื่อคนไม่มีงานทำก็จะเกิดปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจึงไม่มี จึงเกิดระเบิดลูกที่ 3 คือ ปัญหาสังคม
ระเบิดลูกที่ 3 ปัญหาสังคม พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า “ประเทศไทยที่อยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะสังคมของเรายังรู้จักการให้” เราลองหันมาดูกันว่าสังคมไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร เริ่มจากระบบการศึกษาชักนำเราไปสู่การเห็นแก่ตัวเยาวชนของเรากำลังจะเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเดรัจฉาน ไร้วินัย หาจุดเด่นไม่เจอ ทำอะไรไม่เป็น สังคม ไร้น้ำใจต่างคนต่างเอาตัวรอด ชิงดีชิงเด่น ไร้คุณธรรมเต็มไปด้วยการทุจริต โลก ประเทศยิ่งวิกฤต สังคมยิ่งเห็นแก่ตัวแล้วสังคม ประเทศของเราจะอยู่รอดอย่างไรเมื่อประเทศเต็มไปด้วยภัยธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและปัญหาสังคม มนุษย์ จะแย่งชิงอาหาร ยารักษาโรค น้ำดื่ม แม้แต่ที่อยู่อาศัย ประเทศที่แข็งแรงกว่าจะอ้างสงครามมาเป็นเหตุผล จึงเกิดความขัดแย้งไปทั่ว
ระเบิดลูก ที่ 4 ความขัดแย้ง เมื่อเกิดวิกฤตระเบิดลูกที่ 2 และ 3 เกิดขึ้นมนุษย์จะพากันแย่งชิง เอาตัวรอด ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นอย่างที่เราเห็นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ไม่มีไฟฟ้า อาหาร น้ำดื่ม น้ำใช้ มนุษย์จึงแย่งชิงปล้นสะดม ทำร้ายกัน เช่น ประเทศเฮติ หรือแม้แต่บ้านเราเพียงแค่ขาดแคลนน้ำมันปาล์ม เราก็ได้เห็นสภาพของคนไทยเข้าแย่งชิงทำร้ายกันเพื่อจะเอาน้ำมันปาล์มมาเป็นของตัวเอง บ้านเราถ้าพิจารณากันดูแล้วจะพบว่าระเบิดลูกที่ 1,2 และ 3 ยังไม่ร้ายแรงจนขนาดทำให้เราต้องแย่งชิงทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อการเอาตัวรอดแต่ความขัดแย้งในหมู่คนไทยกลับอยู่ในขั้นวิกฤต เราขัดแย้งกันทั้งในทางการเมือง พรรคการเมือง การแบ่งสี แบ่งฝ่ายถึงขนาด เผาบ้านเผาเมือง เราขัดแย้งกันจนลงรากลึกยากที่จะแก้ไขได้ ไม่น่าเชื่อ ส.ค.ส. ปี 2547 พระเจ้าอยู่หัวเขียนเพื่อความสามัคคีเอาไว้ ในขนาดที่ขณะนั้นคนไทยยังรักกันสามัคคีกัน แต่พระเจ้าอยู่หัวกลับมองเห็นว่าประเทศเรา ความสามัคคีจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประเทศเราอยู่รอดพระเจ้าอยู่หัวเตือนเราแล้วว่า ระเบิดทั้ง 4 ลูก ถูกจุดชนวนระเบิดแล้ว วันนี้เราเห็นถึงผลของมันแล้ว เราจะแก้ไขให้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ให้บรรเทาหรือหมดไปได้อย่างไร เศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งว่าโครงสร้างบ้านหรือตึกมั่นคงอยู่ที่ฐานรากหรือเสาเข็ม แต่เรามองไม่เห็นเพราะอยู่ใต้ดิน เปรียบเหมือนชีวิตของเรานั้นจะมั่นคง ฐานรากของชีวิตเราจะต้องประกอบไปด้วยเสาเข็ม 3 ต้น คือ พออยู่ พอกิน พอใช้
พออยู่ : คือ การที่เราใช้ชีวิตพอกับฐานะ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว พอดีๆ ไม่ใช้ชีวิตตามคนอื่น เห็นเขาทำอะไรก็ทำตามโดยไม่ดูฐานะตนเอง ถ้าอยากมีบ้านอยู่อาศัยแบบพึ่งตนเอง พอมีที่ดินให้ปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างจะมีป่าพออยู่ สามารถนำมาสร้างบ้านทำเครื่องเรือน ป่าพอกิน ปลูกไม้ที่เป็นป่ามีผลกินได้ เช่น ผลไม้ต่างๆ ป่าอย่างที่ 3 คือ ป่าพอใช้ ปลูกไม้โตเร็ว มาใช้ทำถ่าน ทำฝืน ประโยชน์อย่างที่ 4 ได้แก่ ดินและน้ำจะอุดมสมบูรณ์หรือเสาะหาความรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านดิน ก็โก้ไม่เบา แถมราคาถูก และเข้าได้กับบรรยากาศโลกร้อนอีกด้วย
พอกิน : ปลูกพืชพรรณที่กินได้ โดยเฉพาะคนกรุงเทพ หรือคนในเมืองมักจะบอกว่าไม่มีที่ดินปลูกอะไรไม่ได้หรอก เหตุผลนี้คงไม่จริงเสียแล้ว เพราะกรุงเทพ เดี๋ยวนี้กลับเป็นต้นแบบการปลูกผักบนดาดฟ้า บนระเบียงมีคนไปศึกษาดูงานกัน ที่เรียกว่าหัวกระไดไม่ว่าง เพราะยิ่งแสงแดดจัดผักนั้นยิ่งงาม อันนี้เป็นสัจธรรม ดังนั้นประเทศไทยเรามีแดดจัดตลอดทั้งปี การปลูกพืชพอกินจึงสามารถทำได้ทุกพื้นที่
พอใช้ : ของใช้ต่างๆ ในบ้านโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เช่น แชมพูสระผม สบู่ น้ำยาชำระล้างต่างๆ สามารถทำเองได้ สบายมาก พิสูจน์ได้ จากการเดินเข้าไปดูร้านค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพจะพบข้าวของต่างๆ ที่ถูกทำโดยชุมชน ชาวบ้าน ถ้าเราทำเองราคาต้นทุนจะถูกกว่ามาก เพราะเราไม่ต้องเสียค่าโฆษณา ค่าการตลาดเราจะต้องก้มดูตัวเราเอง อยู่ตลอดเวลาว่า เสา 3 ต้น พออยู่ พอกิน พอใช้ มีความมั่นคงขนาดไหน ไม่รู้อะไรก็ไปแสวงหาความรู้ มาสร้าง มาเสริมการพึ่งตนเองโดยการสร้างฐานราก พออยู่ พอกิน พอใช้ ถือว่าเป็นขั้นพื้นฐาน เมื่อเราสร้างขั้นพื้นฐานพออยู่ พอกิน พอใช้ ถือว่าเป็นขั้นพื้นฐานเข้มแข็งแล้ว ขั้นต่อไปคือ ขั้นก้าวหน้า ได้แก่
(1) แบ่งปัน ให้ พระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า “ประเทศไทยอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะสังคมไทยยังรู้จักการให้ ดังนั้นเมื่อเราสามารถพึ่งตนเองในขั้นพื้นฐานแล้ว เราจะต้องรู้จักการให้ โดยเริ่มจากการตอบแทนผู้มีพระคุณได้แก่ พ่อ แม่ ครู ผู้มีพระคุณคนอื่น ๆ เฉพาะอย่างยิ่งต้องบำรุงศาสนา เพราะศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี มีคุณธรรม
(2) ต้องใฝ่รู้ อย่างทะนงตนว่ามีความรู้แล้ว พอแล้ว จะต้องก้มดูรากฐานของชีวิต เสา 3 ต้นว่าทำอย่างไรจะทำให้เสาทั้ง 3 ต้น มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเสาะแสวงหาความรู้มาเพิ่มอยู่ตลอดเวลา และยิ่งจะทำให้ การแบ่งปันการให้ขยายวงใหญ่ขึ้น มากขึ้น ยิ่งเรายิ่งให้ชีวิตเราก็ยิ่งมั่นคง พระพุทธเจ้าเทศนาสั่งสอนเราเสมอว่า ทานมีผลยิ่งให้ยิ่งมี ยามที่เราประสบปัญหา เราจะพบว่าคนที่เราเคยให้ เคยช่วยเหลือเขา จะตอบแทนเรา ทั้งที่เราก็ไม่เคยคาดฟันมาก่อน ถ้าเราได้ปฎิบัติตามนี้จริง จะพบว่าทานนั้นมีฤทธิ์จริง ๆ
(3) ขาย ขายจึงเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งต่างจากระบบทุนที่เขาบอกว่า ทุกอย่างจะเริ่มต้นจากขาย คือ เอาเงินนำหน้า โลกเราจึงมีแต่มนุษย์ที่จ้องจะหาเงินเอาเปรียบ คดโกง ทำลายธรรมชาติ โลกเราจึงประสบเคราะห์กรรมอย่างที่เห็น แต่ถ้าเราเริ่มต้นจากการพึ่งตนเอง มีน้ำใจ ใฝ่รู้ เงินจะมาเอง สังคมใดที่คนพึ่งตนเองได้ มีน้ำใจใฝ่รู้ สังคมนั้นจะมีความสุข
ประโยชน์ที่ได้จากการอบรม