การบริหารองค์การสู่องค์การแห่งการเรียนรู้

เรื่อง การบริหารองค์การสู่องค์การแห่งการเรียนรู้

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2552  (เวลา 09.00 – 12.00 น.)

สถานที่        ห้องมินิเธียเตอร์ชั้น 1 และห้องประชุมชั้น 4  อาคารวิทยบริการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

 จำนวนผู้เข้ารับการอบรม

         125        คน

สรุปเนื้อหาการบรรยาย  

  การนำแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นตัวอย่าง ขององค์กรแห่งการเรียนรู้และเศรษฐกิจพอเพียง วิธีการคิด 4 แนว ก่อนที่จะเริ่มทำงานใด ๆ ให้คิดถึงสิ่งต่อไปนี้      1. ทำอะไร        2. ทำอย่างไร           3. ทำเพื่อใคร       4. ทำแล้วได้อะไร

การอธิบายถึงทฤษฎี 4 L’s  เพื่อการเรียนรู้และสร้างสังคมแห่งการเรียน ดังนี้

1. Learning Methodology มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี  ควรมีศึกษาและสำรวจการเรียนรู้รูปแบบใหม่              ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสม่ำเสมอ ตั้งใจฟังอย่างเข้าใจและนำไปปรับใช้กับสถานการณ์จริง            สร้างแรงจูงใจในการแสวงหาความรู้สู่ความเป็นเลิศ สร้างวิธีการกระตุ้นสู่การคิดและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
2. Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้  สถานที่เรียนรู้ควรมีเนื้อที่มากพอ แม้มีผู้ฟังจำนวนมากก็ควรให้แต่ละคนรู้จักกัน และสร้างบรรยากาศห้องเรียนให้มีความรู้สึก                 เป็นกันเอง สร้างบรรยากาศของสังคมแห่งการเรียนรู้
3. Learning Opportunities  สร้างโอกาสในการเรียนรู้  หว่างเรียนรู้ ผู้สอนต้องเรียนรู้จากผู้ฟังด้วย ต้องมีความเข้าใจถึงตัวผู้ฟัง และเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ถ้าผู้ฟังมีจำนวนมากใช้ระบบการเรียนรู้เป็นทีม แต่ถ้าผู้ฟังจำนวนไม่มากให้มีการทำ Workshop และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอแนวคิดใหม่ในห้องเรียน เป็นการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

การนำกฎของ Peter Senge มาบรรยาย

1. Personal Mastery รู้อะไร รู้ให้จริง   เข้าใจตนเอง และรู้คุณค่าในตนเองว่าต้องการอะไร อย่าให้คนอื่นช่วยแก้ไขปัญหาอย่างเดียว คุณต้องรู้จักแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน ต้องเรียนรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่แค่รู้ผิวเผิน การเรียนรู้ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ ต้องเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ
2. Mental Models มีแบบอย่างทางความคิด  การมองหาแบบอย่างที่ดีในโลก ศึกษาว่ามีอะไรปลี่ยนแปลงรอบตัวคุณ หรือรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ศึกษาว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณ แต่บางครั้งสิ่งที่คิดไว้อาจไม่ถูกเสมอไป พยายามเรียนรู้ที่จะศึกษาสิ่งที่แตกต่างจากแนวคิดเดิมๆ และพยายามเข้าใจสิ่งใหม่ๆ
3.  Shared Vision – ค้นหาแนวคิดริเริ่มใหม่ๆ ถ้าแนวคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นสิ่งดี ควรหาแนวร่วมและดำเนินให้เป็นผลจริง Obama เป็น    ตัวอย่างที่ดีในเรื่องการเปลี่ยนแปลง อเมริกา แต่สิ่งสำคัญต้องมีผู้ร่วมอุดมการณ์ที่จะสามารถผลักดันให้เกิดเป็นจริงขึ้นได้
4. Team Learning เรียนรู้เป็นทีม ช่วยเหลือกัน มีเป้าหมายร่วมกัน ตั้งเป้าหมายร่วมกัน กระตุ้นให้ทีมแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย  เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาที่ซับซ้อนร่วมกัน การพัฒนาความไว้ใจให้เกิดขึ้นกับบุคคลในทีม ผู้มีประสบการณ์มากกว่าจะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้มีประสบการณ์น้อย
5. System Thinking มีระบบการคิด มีเหตุมีผล  การคิดถึงภาพรวม ไม่คิดเป็นส่วนๆ การเชื่อมโยง สิ่งต่างๆ ให้เกี่ยวข้องกัน การศึกษาและรู้อย่างถ่องแท้ว่าจะทำอะไร บางครั้งความผิดพลาดเล็กน้อย สามารถส่งผลกระทบ หรือก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ การคิดอย่างเป็นระบบจะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างและคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ผลที่ได้รับ 

1. ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
2. ผู้เข้ารับการอบรม สามารถนำความรู้จากกฎต่างๆ มาเป็นแนวคิดและแนวทางในการพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดความรู้
3. ผู้เข้ารับการอบรมสามรถนำมาใช้ในการทำงานร่วมกันเป็นทีม