การอ่านถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิต การศึกษาเล่าเรียน หรือแม้กระทั่งการประกอบอาชีพ เนื่องมาจากทุกคนต้องมีการเพิ่มพูนความรู้อย่างสม่ำเสมอ วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ การหาหนังสือมาอ่าน จากสถิติของประเทศไทยในเรื่องของการอ่านหนังสือนั้นพบว่าค่าเฉลี่ยยังต่ำมาก เพราะเหตุผลใดกันหนอ คนไทยอ่านหนังสือไม่ออก คนไทยไม่ชอบอ่าน หรือไม่มีหนังสือให้อ่าน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด แต่ในฐานะที่เราเป็นแม่มีลูกอยู่ในการดูแล และจะต้องเป็นอนาคตของชาติต่อไป เรามาหาวิธีส่งเสริมการอ่านให้เด็กๆ กันดีกว่า
จากประสบการณ์ของผู้เขียน พอรู้ตัวว่าตั้งท้องก็หาหนังสืออ่านเลย เป็นหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็ก อ่านเพื่อที่จะทำให้ตัวเองและลูกในท้องปลอดภัย หนังสือที่อ่านทุกวันและอ่านจบหลายรอบมากจนแทบจะจำได้ทุกหน้า คือหนังสือของคุณหมอชนิกา ตู้จินดา ชื่อ คุยกับหมอชนิกา เป็นหนังสือที่รุ่นพี่ให้สืบทอดต่อกันมาสำหรับคนท้อง และนี้เป็นวัฒนธรรมองค์กรอย่างหนึ่งของที่ทำงานแห่งนั้นคือ ถ้ามีใครท้องคนที่เคยท้องต้องนำชุดคลุมท้องมาให้พร้อมกับหนังสือที่เป็นประโยชน์ส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ น่าสนใจดีนะคะวัฒนธรรมแบบนี้ ประหยัดดีด้วยค่ะ
เมื่อลูกคลอดมาแล้วจะหาเวลาเล่านิทานให้ฟังตั้งแต่ยังเล็กมาก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้เรื่องไหม แต่แม่อยากเล่าให้ฟังเพราะหวังว่าลูกจะได้คุ้นเีคยกับเสียงของแม่ จนกระทั่งเข้าวัยขวบเศษ ก็หาหนังสือเล่มเล็กเป็นนิทานของคุรุสภา เล่มละ 5 บาทสมัยนั้น ซื้อทุกเรื่องที่มีเลยทีเดียว มาอ่านให้ลูกฟังก่อนนอนทุกคืน พร้อมทำเสียงสนทนาให้น่าสนใจ
วัยอนุบาล ลูกก็จะคุ้นเคยกับการฟังนิทานก่อนนอน และวันไหนถ้าเขาดื้อพูดไม่เชื่อฟังเราก็จะแต่งนิทานขึ้นเองมาเล่าเปรียบเทียบกับพฤติกรรมที่เขาแสดงออก แต่สลับเพศเพื่อที่ไม่ให้เรารู้ว่าเรากำลังเล่าถึงเขาอยู่ แล้วก็แต่งตอนจบให้เขาได้คิด วิธีการนี้ใช้ได้ผลค่ะ ใครสนใจลองเอาไปใช้ดูนะคะ
เมื่อเข้าสู่วัยประถม เขาจะเริ่มอ่านหนังสือได้เอง เราก็จะมีสมุดบันทึกการอ่านให้ ถ้าวันไหนอ่านหนังสือ เราก็จะจดบันทึกเรื่องที่อ่านแล้วมารับรางวัลเป็นรูปภาพ ที่เป็นตัวหมึกสแต๊มป์ ที่หลากหลายแตกต่างกันไป หาซื้่อไ้ด้ที่ศึกษาภัณฑ์ หรือไม่ก็ขนมกูลิโกะสติก ที่มันจะมีการ์ตูนที่แท่งเคลือบ เราก็เอามาประทับกับหมึก แดง น้ำเงิน หรือว่า ดำ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขาได้รูปการ์ตูนเยอะๆ ทำมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ย่างเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว เรารู้ว่าวิธีการที่เราทำมามันประสบผลสำเร็จแล้ว เพราะว่าลูกอ่านหนังสือทุกวัน และอ่านหลากหลายประเภทด้วย แต่ที่ชอบมากที่สุดก็เป็นหนังสือนิยาย โดยเฉพาะของสำนักพิมพ์แจ่มใส มีเต็มบ้านเลย จนแทบจะเปิดเป็นห้องสมุดนิยายได้แล้วค่ะ
จากการรักการอ่านนี้เองตอนนี้ลูกได้หันมาสนใจการเขียนหนังสือ โดยเิริ่มเขียนนิยายแต่ยังไม่เห็นเขียนจบเลยสักเล่ม แต่ก็ยังดีที่มีความตั้งใจไม่ว่าจะอ่าน หรือว่าเขียน แม่คนไหนสนใจลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ